ได้คู่ชกใหม่ “ตะวันฉาย” ชนรุ่นใหญ่ “โจ ณัฐวุฒิ” ดวลคิกบ็อกซิ่ง

“ตะวันฉาย” ปรับกระบวนดวลคิกบ็อกซิ่งกับนักชกสายดุ “โจ ณัฐวุฒิ” ที่อาสาเสียบเแทน “ซุปเปอร์บอน” ท้าชนแชมป์โลกฟอร์มแรงหวังกู้ศรัทธา
“Smokin’ Jo” โจ ณัฐวุฒิ นักชกรุ่นใหญ่ใจถึง วัย 34 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย อาสารับคิวร้อนปะทะ “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป. ) ในศึก ONE Fight Night 15: ธานฮ์ vs อิลยา ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.66

เดิมที “ตะวันฉาย” มีคิวลงป้องบัลลังก์ ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต กับอดีตแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งรุ่นเดียวกันอย่าง “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ในฐานะคู่เอกของศึก ONE Fight Night 15 แต่สุดท้ายมีเหตุต้องมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเนื่องจาก “ซุปเปอร์บอน” ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัว ทำให้“ตะวันฉาย” ตกอยู่ในสภาพไร้คู่ชก
เพื่อไม่ให้แฟนกีฬาที่รอชมผลงานของแชมป์โลกซูเปอร์สตาร์ต้องผิดหวัง ONE จึงเร่งหาคู่ต่อกรคนใหม่ โดยได้ “โจ ณัฐวุฒิ” หาญกล้ามาเสียบแทนและเปลี่ยนจากกติกามวยไทยมาเป็นกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ตามความเหมาะสม

แม้จะต้องเปลี่ยนกติกากะทันหัน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหากับ “ตะวันฉาย”ไทยสักเท่าไหร่ เพราะเขา เพิ่งประเดิมชัยสวยจากการเปิดซิงกติกาคิกบ็อกซิ่งไฟต์แรกในศึก ONE Fight Night 13 เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยโชว์ฟอร์มสาดแข้งซ้ายทรงพลัง โจมตีท่อนแขนจอมเก๋าอย่าง “ดาวิต คิเรีย” อย่างต่อเนื่อง จนสามารถเอาชนะทีเคโอไปได้ในยกที่สาม พร้อมขยับขึ้นไปนั่งเก้าอี้เบอร์ 5 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวตทันที ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เขาอาจได้สะสมแต้มไต่แรงกิงเพื่อล่าเข็มขัดอีกเส้นในกติกานี้

ขณะที่ “โจ ณัฐวุฒิ” เป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดนักคิกบ็อกซิ่งและนักมวยไทยที่ไปสร้างชื่อต่างแดนจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก การันตีด้วยแชมป์โลก Lion Fight สองรุ่น และแชมป์โลกมวยไทย WMC และเคยผ่านการโชว์ฝีมือใน ONE มาแล้วถึง 9 ไฟต์ด้วยกัน รวมถึงเคยประชันฝีมือกับสองสุดยอดนักคิกบ็อกซิ่งอย่าง “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” และ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต คนปัจจุบันมาแล้ว

การกลับมาของ “โจ” ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 2 เดือน ที่จะได้ขึ้นสังเวียนโชว์ฝีมือใน ONE อีกครั้งหลังจากแพ้คะแนนหวุดหวิดให้กับ “จามาล ยูซูพอฟ” เมื่อเดือน ก.ค.65  ซึ่งแม้จะต้องรับเผือกร้อนชนิดที่มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึง 2 สัปดาห์ในการเจอกับนักชกฟอร์มแรงอย่าง “ตะวันฉาย” แต่เจ้าตัวเต็มใจน้อมรับโอกาสครั้งสำคัญเพื่อกลับมากู้ศรัทธา