เด็กหญิงร้อง ถูกสายเคเบิลเกี่ยว โอกาสตาบอด 70%

เด็กหญิงร้อง ถูกสายเคเบิลเกี่ยว โอกาสตาบอด 70% แจ้งตร. แต่ถูกไล่ไห้ไปหาหลักฐานเอง

เด็กหญิงร้อง

เด็กหญิงอายุ 12 ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสายเคเบิลเกี่ยวตากลางถนน โอกาสบอด 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ถูก ตร.ไล่ไปหาหลักฐานเองเมื่อวานนี้(3 ก.ย. 66) น.ส.น้ำทิพย์ ป้าของเด็กหญิง อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกสายเคเบิลห้อยลงมาเกี่ยวตาได้รับบาดเจ็บ ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ บนถนนประชาอุทิศ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

เด็กหญิงร้อง

น.ส.น้ำทิพย์ ป้าของเด็กผู้เสียหาย เล่าว่า วันเกิดเหตุตนขับรถไปส่งอาหารโดยนําหลานสาวนั่งซ้อนท้ายออกไปด้วย โดยขับผ่านเส้นทางที่เป็นจุดเกิดเหตุ 3 รอบ แต่ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งรอบที่ 4 สายเคเบิลดัวกล่าวที่ห้อยลงมาได้เกี่ยวเข้ากับตาซ้ายของหลานสาวจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงที่ลมพัดมาพอดี หลังเกิดเหตุจึงรีบพาหลานไปรักษายังโรงพยาบาล ต่อมาแพทย์ระบุว่ากระจกตาแตก และเลนส์แก้วตาซ้ายแตก ซึ่งมีโอกาสตาบอดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์

เด็กหญิงร้อง

โดยหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ แต่พนักงานสอบสวนให้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ โดยบอกว่าไม่รู้จะตามให้ยังไง และให้ผู้เสียหายไปหาภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุเอาเอง ตนจึงตัดสินใจไปตระเวนหากล้องวงจรปิดเอง จนได้ภาพขณะเกิดเหตุและภาพที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทสายเคเบิลแห่งหนึ่งเข้ามาเก็บสายหลังเกิดเหตุ

เด็กหญิงร้อง

นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่บริษัทแห่งหนึ่ง โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยบอกว่าหากสายดังกล่าวเป็นของบริษัทก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเรื่องการรักษาเต็มที่ และชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด เนื่องจากคดียังไม่คืบหน้า เพราะตำรวจยังไม่รับแจ้งความ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาร้องขอให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า กรณีนี้ตำรวจควรรับแจ้งความเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้เสียหายไปหาพยานหลักฐานเอาเอง โดยวันพรุ่งนี้จะให้ทีมงานพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน. ราษฎร์บูรณะ
ทั้งนี้นายเอกภพ ฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ประสานเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการจัดระเบียบสายเคเบิ้ลในพื้นที่ต่างๆให้เรียบร้อย เพราะยังมีสายเคเบิลห้อยพะรุงพะรังเสี่ยงอันตรายต่อประชาชนอีกหลายจุด ซึ่งที่ผ่านมาทีมงานสายไหมต้องรอดเคยได้รับร้องเรียน จากประชาชนกรณีได้รับผลกระทบจากสายไฟและสายเคเบิ้ลห้อยจนทำให้เกิดอันตราย ไม่ต่ำกว่า 10 กรณีแล้ว ซึ่งเจ้าของสายเคเบิลที่สร้างปัญหาก็เป็นของบริษัท สื่อสารเกือบทุกบริษัท จึงทำให้เห็นว่ายังไม่มีการเอาใจใส่ดูแลความเรียบร้อยอย่างจริงจัง