มวยไทย จะต้องไม่มีการพนัน

เจ้าตัวบอกว่าคิดอยู่นานถึง 3 เดือน เพราะอยากทำให้ดีและต้องคิดให้รอบคอบว่าถ้าตอบรับแล้วจะทำได้จริงไหม สุดท้ายด้วยความผูกพันกับมวยไทย เคยมาดูมวยไทยที่สนามมวยลุมพินีกับพ่อตอนเด็กๆ จึงตอบรับและวางแผนส่งเสริมมวยไทยอย่างเต็มที่ ส่วนประเด็นเรื่องการพนันนั้นเจ้าตัวพูดอย่างหนักแน่นว่า “มวยไทยจะต้องไม่มีการพนันมาเกี่ยวข้องในสนาม ไม่ใช่มาเล่นในสนามจนเกิดความไม่ยุติธรรม” ส่วนประเด็นเรื่องการเก็บค่าตั๋วนั้นไม่ได้สนใจว่าจะขายตั๋วหรือไม่ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่สนใจคือคนทั่วโลกที่อยู่นอกสนาม(ฟังถึงจุดนี้ช็อคกับคำตอบมาก เพราะปกติโปรโมเตอร์ต้องการค่าเข้าชมเพื่อเป็นกำไรหรืออย่างน้อยก็ช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ เรียกว่าเล่นตลาดใหญ่ไปเลยใจถึงจริงๆ)

คุณชาตรี ศิษย์ยอดธง เล่าว่า ตอนก่อตั้งวันแชมป์เปี้ยนชิพ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีแรก อยากเลิกมากเพราะขาดทุนอย่างเดียว ลงทุนไป 50 ล้านเหรียญ(ประมาณ 1,800 ล้านบาท) ก็ขาดทุนหมด ไม่มีใครสนใจคอนเท้นท์ของผมเลย จึงโทรหาแม่ชาวญี่ปุ่น บอกว่า “อยากจะเลิก” แม่ตอบกลับมาง่ายๆแค่ว่า “เลิกก็เลิก” เจ้าตัวจึงฉุกคิดว่า “เอ๊ะ! จะเลิกทำไม และทำไมต้องเลิก ?” จึงลุกขึ้นสู้ต่อเพื่อสร้างองกรณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก จนประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้

เจ้าตัวเล่าพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครือ ว่า หลังจากทุกอย่างพังทลายลง ครอบครัวแตกแยก (คุณพ่อชาวไทยทิ้งครอบครัวไปอย่างกระทันหันและไม่กลับมาอีกเลย เพราะโดนพิษเศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้งเล่นงาน ซึ่งพ่อของคุณชาตรีเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะนั้น) จึงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา ตอนนั้นทั้งอับอายและเสียใจมาก การกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งจึงเป็นเหมือนฝัน ผมไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก มายืนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ผมรู้สึกโชคดีและขอบคุณมากๆครับ

   การมาถึงของชายที่ชื่อว่า ชาตรี ศิษย์ยอดธง คงเข้ามาเปลี่ยนแปลงมวยไทยที่ทุกคนรักไปในทางที่ดีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะด้วยประสบการณ์ระดับโลก เงินทุนมหาศาล วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และที่สำคัญชายคนนี้รักมวยไทยสุดหัวใจจริงๆ จะทำให้เราทุกคนคงได้เห็นมวยไทยในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ อดใจรอไม่ไหวแล้วครับ