8 เดือนหลังรับตำแหน่งพ่อเมืองกรุงเทพฯ เมื่อ 1 มิ.ย. 2565 ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาเยือนมหานครลอนดอนตามคำเชิญของรัฐบาลสหราชอาณาจักร
เขามีกำหนดเดินทางกลับ กทม. กลางดึกวันที่ 8 ก.พ. เวลาอังกฤษ พร้อมกับนำแนวคิด ความรู้ ที่ได้จากการพบปะหารือผู้เชี่ยวชาญ ดูงาน ด้านผังเมือง การจัดการจราจร สิ่งแวดล้อม และสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กลับมาใช้ในนครหลวงของไทยที่เขาบอกว่า กรุงเทพมหานครไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นระดับประเทศ
ช้าวันที่ 5 ก.พ. เวลาลอนดอน หลังเช็คอินเข้า ปาร์คอินเตอร์เนชันแนลโฮเทล โรงแรมสี่ดาวในเครือเฟรเซอร์ ที่มีเจ้าของชื่อ เจริญ สิริวัฒนภักดี “ผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ออกสำรวจสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค ที่อยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 15 นาทีเดิน พร้อมกับการเฟซบุ๊กไลฟ์ทางเพจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เล่าถึงความเป็นมาของการเดินทางครั้งนี้ กำหนดการเยือน ตารางนัดหมายที่สำคัญ ที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเป็นผู้เชิญและอำนวยการ และมี เคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ผู้แทนจากสื่อยอดนิยมในหมู่คนหนุ่มสาว ร่วมคณะมาด้วย
จากวันที่ 5 ถึง 8 ก.พ. ผู้ว่าฯ วัย 56 ปี ที่หลงใหลในการวิ่ง ตื่นขึ้นมาก่อนตะวันขึ้นเพื่อวิ่งรอบ สวนสาธารณะขนาดราว 888 ไร่ อายุเกือบ 400 ปี ทุกเช้า ในช่วงที่อุณหภูมิของหน้าหนาวอยู่ที่ศูนย์องศาหรือติดลบ
ไฮด์ปาร์ค กับ กทม.
แล้วคน กทม. ได้อะไรจากจากการที่เขาวิ่งรอบ ไฮด์ปาร์ค
“สิ่งสำคัญคือ เขามี park ย่อย ๆ เยอะ concept (แนวคิด) ของเรา คืออยากให้มี park กระจายไปทั่ว” ดร. ชัชชาติกล่าวกับบีบีซีไทย หลังวิ่งเสร็จ 1 รอบที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์คกับนักศึกษาไทย 6 คน ที่ได้ทุนชีฟนิ่งจากรัฐบาลอังกฤษ ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบสององศาเซลเซียส
“อาจใช้แนวคิดของสวนจากพื้นที่ที่คนไม่ได้ใช้งาน อยากลดเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เอาที่ดินเหล่านี้มาทำเป็นสวนสาธารณะ 7 ปี จะ convert (แปลงสภาพ) ให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่มีค่า หัวใจคือ กระจายสู่ชุมชน คนต้องมาได้ง่าย ๆ…ของเราก็อยากมีสวนแบบนี้ กระจายทั่วไป ตอนนี้มีพาร์คที่เรากำลังทำอยู่ใน pipeline (แผนงาน) ร้อยกว่าแห่ง
ค่อย ๆ ทำไป”
Road Diet หดถนนให้คนเดินและจักรยาน
จากสวนสาธารณะ ขยับมาสู่ถนนหนทาง และทางเท้าในลอนดอนที่กว้างขวางกว่าเดิม ลดพื้นที่ถนนให้รถยนต์วิ่ง แล้วปรับมาเป็นพื้นที่สำหรับจักรยานและทางเท้า หรือ ที่เรียกกันว่า Road Diet“กทม. ทำได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือหลายอย่าง สามารถหดถนนได้ แต่ต้องมี public transport (ขนส่งสาธารณะ) ที่มีคุณภาพ เราไม่สามารถเก็บ congestion charge (ค่าธรรมเนียมสำหรับยานยนต์เพื่อลดความแออัดบนท้องถนนในลอนดอน) ได้ การให้ใช้ถนนน้อยลง ต้องมี public transport ที่มีคุณภาพ ต้องคุยกับหลายหน่วยงาน เช่น รถเมล์ รถไฟใต้ดิน เราต้องคุยกับ กระทรวงคมนาคม”“จะ diet ถนน ลดการใช้รถ เราต้องมีทางเลือก กทม. ก็ต้องมีทางเลือก ทำฟุตปาธให้ดีขึ้น ทางเดินดีขึ้น จักรยาน เป็นไปได้ไหม ซึ่งก็ไม่ได้ง่าย อยู่ดีดีเราจะไป diet ถนน ลดถนน แต่ไม่มีทางเลือก ต้องคิดให้ดีเหมือนกัน”ดอกเตอร์ด้านวิศวกรรมโครงสร้างจากสหรัฐอเมริกา เสริมว่า นอกจากเรื่องลดพื้นที่ถนนแล้ว การมีที่จอดรถใน กทม. ที่ราคาค่อนข้างถูก ก็ส่งเสริมให้คนยังขับรถเข้ามาในเมืองมากขึ้น ต่างจากลอนดอนที่ค่าจอดรถแพง ทำให้คนที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถ เลือกไม่ขับเข้าเมือง“กรุงเทพฯ ปาร์คกิ้ง ราคาถูกมาก ขับรถไปในเมืองมี ปาร์คกิ้งมหาศาล ทำให้ทุกคนอยากขับรถไปหาที่จอด แต่ที่นี่ ค่าจอดรถแพงมาก เหมือนกับให้คนไปใช้ถนนมากขึ้น คงต้องดูหลายองค์ประกอบร่วมกัน”
Low Emission Zone
“น่าสนใจมาก แต่ของไทยกลับกัน กลายเป็นรถเก่า ภาษีถูก ภาษีป้ายวงกลมลดตามอายุรถ รถยิ่งเก่า ภาษีป้ายยิ่งถูก แต่ Low Emission Zone กลายเป็นว่ารถเก่าจ่ายแพง เพราะเกิดมลพิษ แต่ต้องคุยกับกรมขนส่งทางบก คุยกับหน่วยงานต่าง ๆ กทม. เอง ไม่ได้ดูแลป้ายทะเบียนรถ แม้เราจะกำหนดโซน เราก็ไม่สามารถบังคับใช้”ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การปล่อยมลพิษในกรุงเทพมาจากรถเกิน 40% ทำได้โดยจำกัดโซน เปลี่ยนคุณภาพรถ ซึ่งอันนี้อยู่ในวาระแห่งชาติของแผนลดมลพิษ PM 2.5 อยู่แล้ว เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เป็นมาตรฐาน ยูโร 5 ยูโร 6“มหานครลอนดอนทำเองได้ เพราะ เขามี TfL (Transport for London หน่วยงานด้านจราจรและขนส่งใต้กำกับของมหานครลอนดอน) เขาคุมทุกอย่าง แต่ของเรา ถนน เป็นของ ตำรวจ จราจร จดทะเบียนรถ ก็เป็นของกรมการขนส่งทางบก รถเมล์เป็นของ ขสมก.”