ไข้เลือดออก ระบาดหนัก ดับสะสม58ราย ป่วยพุ่งสัปดาห์ละ 5-6 พันราย
สธ. เผย โควิด 19 แนวโน้มทรงตัว ผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 607 ระบุ ไข้ เลือดออก พบป่วยเพิ่มสัปดาห์ละ 5-6 พันราย สะสมแล้ว 6.5 หมื่นราย ตายสะสม 58 ราย วันที่ 18 ส.ค.2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 6-12 ส.ค. 2566) มีผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาใน รพ. 318 ราย เฉลี่ย 45 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 136 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 83 ราย และเสียชีวิต 7 ราย เฉลี่ย 1 รายต่อวัน แนวโน้มสถานการณ์ค่อนข้างทรงตัว
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า แต่ที่สำคัญคือ ผู้เสียชีวิตยังคงเป็นกลุ่ม 607 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือ ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น หรือฉีดเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือน ทั้งนี้ ได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดรณรงค์กระตุ้นให้กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ภายใน ส.ค.นี้ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและการเสียชีวิต รวมทั้งสื่อสารแนวทางป้องกันโรคส่วนบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์โรคไข้ เลือดออกของประเทศไทย ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสม 65,552 ราย โดยช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายใหม่ 5,000-6,000 รายต่อสัปดาห์ ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีโรคไข้ เลือดออกแล้ว 31 จังหวัด และเปิดในระดับเขตรวม 7 เขต ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมมี 58 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กโตและผู้ใหญ่ถึง 40 ราย
นพ.โอภาส กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิต คือ ช่วงแรกที่ป่วยมักไม่ได้คิดถึงโรคไข้ เลือดออก และได้รับยากลุ่มเอ็นเสดเพื่อลดไข้ ทำให้เลือดออกง่ายและมีความเสี่ยงเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิต ดังนั้น หากมีไข้ รับประทานยาลดไข้ 2 วันแล้วไม่ดีขึ้น ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคไข้ เลือดออกและรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน เนื่องจากโรคไข้เลือดออกยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ