แม่ยันฆ่ารัดคอหมกป่า เป็นลูกสาวที่หายตัวไป ตร.มุ่งปมชู้สาว ชิงทรัพย์

แม่ยัน

แม่ยันฆ่ารัดคอหมกป่า เป็นลูกสาวที่หายตัวไป ตร.มุ่งปมชู้สาว ชิงทรัพย์

แม่ยัน

แม่ยันหญิงวัย 40 ถูกฆ่ารัดคอ ศพหมกป่าริมน้ำชี เป็นลูกสาวที่หายตัวไป เพราะจำรอยสักที่ข้อเท้าขวาและเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ คาดปมสังหารจากเหตุแอบคุยโทรศัพท์คนเดียว ตำรวจมุ่งเป้าชู้สาว ชิงทรัพย์ จากกรณี พบศพหญิงวัย 40 ปี เสียชีวิตผิดธรรมชาติ ในป่าละเมาะใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำชี โดยมีกิ่งไม้แห้งปกคลุมร่าง ค้นในตัวไม่พบเอกสารใดๆ สภาพศพนอนหงาย ผมยาวถักเปีย พบรอยสักดอกกุหลาบสีแดงที่ข้อเท้าด้านขวา สภาพศพขึ้นอืด โดยมียางในรถ จยย.รัดที่คอ ล็อกกุญแจมือไพล่หลัง มีรอยบาดแผลที่ศีรษะ คาดตายไม่น้อย 3 วัน

แม่ยัน

ล่าสุดเช้าวันนี้ (6 พ.ค. 67) ที่ สภ.จังหาร ผู้สื่อข่าวได้พบกับญาติผู้เสียชีวิต แสดงตัวว่าศพผู้ตายเป็นลูกสาวที่หายไปตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 67 เวลา 06.00 น. ที่ บ.ท่างาม ต.ปาฝา อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด โดยจดจำจากรอยสักและเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.สุภัทรา โพธิ์ศรี หรือ นิว อายุ 24 ปี

สอบสวน นางสาวบุษกร โพธิ์ศรี แม่ผู้เสียชีวิต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้บอกกับตนว่า จะเดินออกไปซื้อกับข้าวมาให้ลูก 2 คน ลูกชาย 8 ขวบและลูกสาววัย 2 ขวบเพื่อรับประทานอาหาร และหลังจากนั้นก็ได้หายไป ซึ่งตนก็ได้ออกตามหาตามสถานที่ต่างๆ และได้แจ้งความไปหลังจากเกิดเหตุ 24 ชั่วโมงแต่ก็ไม่พบเห็น จึงได้โทรสอบถามสามีชาว จ.สุพรรณบุรี ที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ก็ไม่พบเห็นผู้ตาย

กระทั่งช่วงค่ำวานนี้ ญาติเห็นข่าวจึงได้เดินทางมาดูศพ และยืนยันว่าเป็นลูกสาวของตน เพราะจำรอยสักที่ข้อเท้าขวาได้ รู้สึกเสียใจมาก และยังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะลูกสาวไม่เคยแสดงท่าที หรือไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับใคร แต่มีพฤติกรรมแอบคุยโทรศัพท์คนเดียว เวลามีคนเดินผ่านก็จะหลบไม่ให้คนเห็น

เบื้องต้นชุดสืบสวน สภ.จังหาร ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวน ภจว.ร้อยเอ็ด และชุดสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรภาค 4 ได้วางแผนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและหาพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุเพื่อเชื่อมโยงกับจุดที่ผู้ตายได้หายตัวไป เบื้องตั้งปมการก่อเหตุไว้ให้น้ำหนักที่เรื่องชู้สาว เหตุชิงทรัพย์ เหตุซึ่งหน้า ซึ่งจะได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ที่ผู้ตายทิ้งไว้กับลูกสาวก่อนหายตัวไป เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

แม่ยัน
ที่มา  : ไทยรัฐ