หนุ่มจิตเภท ฆ่าสยองพ่อพิการ ใช้วอล์กเกอร์ช่วยเดินฟาดแล้วจุดไฟเผา

หนุ่มจิตเภท

หนุ่มจิตเภท ฆ่าสยองพ่อพิการ ใช้วอล์กเกอร์ช่วยเดินฟาดแล้วจุดไฟเผา

หนุ่มจิตเภท

ลูกชายป่วยจิตเภท อยู่กับพ่อถูกตัดขาจากเบาหวาน เกิดคลุ้มคลั่งใช้วอล์กเกอร์ 4 ขาช่วยเดิน ฟาดพ่อแล้วจุดไฟเผาดำเป็นตอตะโก ตำรวจคุมตัวไปสอบสวน นั่งนิ่งไม่ยอมพูด
เวลา 15.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ร.ต.อ.เลิศศักดิ์ วังคีรี ร้อยเวรสภ.หนองกรับ ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุ ลูกฆ่าพ่อตัวเองแล้วจุดไฟเผา โดยผู้ก่อเหตุยังหลบซ่อนตัวในบ้านกลางสวนยางพารา ม.10 ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร รพ.บ้านค่าย พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและพิสูจน์หลักฐาน เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านพักคนกรีดยางชั้นเดียว พบชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง บอกว่าลูกชายได้ฆ่าพ่อตัวเองแล้วเผา ก่อนจะเข้าไปหลบซ่อนตัวภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณหลังบ้าน พบกองไม้ถูกเผาอยู่กองใหญ่โดยมีแผ่นไม้ที่ยังไม่ไหม้ทับอยู่ พอนำแผ่นไม้ออก ก็ถึงกับตะลึงเมื่อพบกับร่างมนุษย์ถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก จึงรีบกันพื้นที่ และประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการมาตรวจพิสูจน์ พร้อมกับ แพทย์ รพ.บ้านค่าย

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าไปเคาะประตูหน้าบ้าน หลังเคาะประตูปรากฏว่ามีผู้ชายผมยาวรูปร่างท้วม เปิดประตูออกมา ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวไว้ทันที หลังจากสอบถามไม่ยอมปริปากพูด ยังคงนั่งนิ่ง จึงควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนต่อไปจากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อนายหนูกัน ยุพิน อายุ 63 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นบุตรชาย ชื่อนายพงษ์ชัย ยุพิน อายุ 34 ปี โดยมารดาของผู้ก่อเหตุ และเป็นภรรยาของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ตนเองออกไปนวดเส้นตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนชายที่ก่อเหตุ อยู่กับผู้ตายสองคน จึงไม่ทราบว่าก่อเหตุช่วงใด ซึ่งบุตรชายที่ก่อเหตุมีอาการจิตเภท หวาดระแวง เคยรับการรักษาที่โรงพยาบาลในจ.ขอนแก่น มาก่อน ส่วนสามีป่วยเบาหวานตัดขาขวา 1 ข้าง ต้องใช้ที่พยุงสี่ขาในเวลาเดิน ที่ผ่านมาบุตรชายไม่เคยมีอาการเกรี้ยวกราดกับผู้ตาย ยังช่วยกรีดยาง ช่วยอาบน้ำให้พ่อได้ จึงไม่ทราบว่ามาก่อเหตุเพราะสาเหตุใดเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวน แต่ยังคงไม่ปริปากพูด จึงยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจ สันนิษฐานว่าโรคจิตเภทกำเริบ จึงก่อเหตุโดยใช้สี่ขาพยุงเดินตีผู้ตาย เพราะพบว่าสี่ขาที่เป็นเหล็กมีร่องรอยหักงอ อย่างไรก็ตามต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ จึงจะสรุปอีกครั้ง