มีแต่ได้กับได้ “นาบิล” ไม่หวั่นเจองานหิน “ซุปเปอร์เล็ก” ประเดิม ONE ลุมพินี
มีแต่ได้กับได้ นักมวยดาวรุ่งไฟแรง “นาบิล” พร้อมเปิดตัวให้ปังในศึก ONE ลุมพินี 22 แม้เจองานหิน “ซุปเปอร์เล็ก” ที่เหนือกว่าทุกประตู แต่ขอสู้เต็มที่ มองทุกวินาทีเป็นกำไรชีวิต “นาบิล อานาน” มวยดาวรุ่งพุ่งแรง วัย 19 ปี เชื้อสายไทย-แอลจีเรีย-ฝรั่งเศส แคล้วคลาดชวดชกมาแล้วสองหนเนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อมจนต้องถอนตัว ได้ฤกษ์เปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 22 โดยเจองานยาก “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ราชัน ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต โดยจะสู้กันในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายนนี้
“นาบิล” เกิดและเติบโตที่ประเทศไทย รู้จักศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เริ่มจากฝึกเทควันโดและคาราเต้ จนได้สายดำทั้งสองประเภท จนกระทั่งอายุได้ 11 ปี พ่ออยากให้ลองฝึกมวยไทย เมื่อได้สัมผัสด้วยตัวเอง “นาบิล” ก็ยกให้มวยไทยเป็นกีฬาที่ชอบอันดับหนึ่งในใจทันที และเมื่อรู้ตัวว่าทำได้ดีมากก็เริ่มมั่นใจ จนในที่สุดได้ลงแข่งจริงจังและไปได้สวยในเส้นทางนี้ตั้งแต่นั้นมา
เจ้าของส่วนสูง 192 ซม. ใช้จุดได้เปรียบสร้างผลงานโดดเด่นมาตลอด โดยมีดีกรีคว้าเหรียญทองมวยสมัครเล่น IFMA รวมถึงเป็นแชมป์โลก WBC มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (126 ป.) และรุ่นไลต์เวต (135 ป.) และเคยปราบนักมวยรุ่นเดียวกันมาเกือบหมดแผง ทำให้เริ่มหาคู่ชกด้วยยาก ตอนนี้ถึงโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้ขึ้นมาอวดลีลาบนเวที ONE ลุมพินี เป็นครั้งแรกสมใจ
ในโลกกว้างของวงการหมัดมวย “นาบิล” มีนักสู้รุ่นพี่ชาวแอลจีเรีย “เมห์ดี ซาทูต” เป็นต้นแบบที่ดี คอยแนะนำให้อยู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็น และการได้ลุยศึกของ ONE ลุมพินี ตั้งแต่อายุยังน้อยถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของ “นาบิล” ที่จะพัฒนาฝีมือและกรุยทางสู่ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตจากการประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ชื่อเสียงของ “นาบิล” ถูกคนมวยจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรระดับโลกอย่าง ONE ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเหมือนมีเป้าหมายที่ต้องพยายามไต่ไปให้ถึงแม้การได้เป็นแชมป์โลก ONE อาจยังดูไกลสำหรับเขาในตอนนี้ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้“นาบิล” ให้คำจำกัดความในไฟต์เปิดตัวครั้งนี้ว่าเปรียบเหมือน “การขึ้นลิฟต์” ที่ต้องก้าวกระโดดมาทาบชั้นยอดมวยจอมเก๋าอย่าง “ซุปเปอร์เล็ก” ซึ่งโอกาสนี้ไม่ได้ลอยมาถึงหน้าง่าย ๆ โดยเจ้าตัวก็ขอรับไว้อย่างเต็มใจเพื่อพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง และแม้จะถูกมองว่าเป็นมวยรอง แต่เจ้าตัวกลับมองว่างานนี้มีแต่ได้ได้ไม่มีเสีย ซึ่งถ้าพลิกคว้าชัยชนะมาได้จะกลายเป็นกำไรชีวิตในวัย 19 ปี บนเส้นทางนักสู้ “นาบิล” ยังมีอะไรให้แสวงหาและทดลองอีกมาก นอกจากสร้างชื่อในสายมวยไทยแล้ว เจ้าตัวก็ไม่ปิดโอกาสหากได้ลองสู้ในกติกาอื่นโดยหวังใช้ไฟต์นี้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ สร้างชื่อให้ก้าวไกลและทำความฝันให้เป็นจริง